Main Menu

Recent posts

#11

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เชียงคาน จ.เลย

หากคุณอยากจะเที่ยวแบบชิลๆ ชมบรรยากาศหมู่บ้าน ความเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อน มาที่ เชียงคาน จ.เลย คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนั้นอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ก็กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนไม่น้อยทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้มีกิจกรรมสนุกเร้าใจอะไรเหมือนการเที่ยวทะเล แต่ก็จะทำให้คุณได้ประสบการณ์ที่ดีกลับไปด้วย นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลย ที่มาเที่ยวที่นี่ แล้วก็หลงเสน่ห์ของเชียงคาน จนต้องกลับมาเที่ยวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มาเที่ยวที่เชียงคาน ต้องใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สโลว์ไลฟ์สักหน่อย เพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศของสถานที่อย่างเต็มเปี่ยม หากมาแบบรีบร้อนเกินไป คงไม่ได้อรรถรสเท่าไหร่นัก อีกอย่างเชียงคานอยู่ติดกับแม่น้ำโขงด้วย ทำให้คุณไปนั่งชมบรรยากาศเย็นๆ ได้ฟินกว่าเดิมอีก แต่อย่างไรก็ตาม ที่เชียงคาน ก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน วันนี้เราจึงได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้ดู ก่อนเดินทางไปเที่ยวจริง

กิจกรรมที่น่าสนใจ 
• การตักบาตรข้าวเหนียว เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาทำให้ได้เลย แต่ว่าต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อให้ทันกับพระบิณฑบาตตอนเช้า ส่วนเรื่องอาหารใส่บาตร ก็ซื้อเอาตามที่พัก และบริเวณนั้นได้เลย
• ขี่รถชมบรรยากาศ ด้วยการขี่จักรยานเที่ยวบริเวณโดยรอบ ก็ให้ความรู้สึกที่ฟินไปอีกแบบเหมือนกัน ได้ความรู้สึกของความเป็นอยู่ของคนในยุคก่อนอย่างแท้จริง
• ถนนคนเดิน เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวออกมากันเยอะที่สุด เพราะว่าอากาศไม่ร้อน มีของกิน และของใช้ของฝากมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้ช็อป ราคาก็ถือว่าถูกเลยแหละ
• ชมวิว มาที่เชียงคานทั้งที ต้องแวะมาชมวิวที่ภูทอก ซึ่งมีความสวยงามเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาวด้วย บรรยากาศจะยิ่งสวยขึ้นไปอีก
• พักโฮมสเตย์ คุณจะรู้สึกเหมือนได้มาเที่ยวบ้านญาติเลย ที่มาคอยบริการ  เป็นบริการของทางโฮมสเตย์ ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเป็นกันเองมาก เหมือนกับญาติของเราเอง จนนักท่องเที่ยวหลายคนประทับใจตรงจุดนี้ และอยากจะกลับมาอีกครั้ง

ที่พักและอาหาร
ที่พักของเชียงคาน มีให้เลือกหลายแบบ และราคาก็ค่อนข้างถูกทีเดียว แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาว จะต้องวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าหน่อย เพราะว่าที่พักอาจจะเต็ม ส่วนอาหารการกินก็มีให้เลือกเยอะทีเดียว ตามร้านต่างๆ รวมถึงคามถนนคนเดิน อาหารอร่อยๆ เยอะ เช่น ข้าวเปียก และปลาที่มาจากแม่น้ำโขง อร่อยถูกปากสุดๆ

การเดินทาง
สำหรับการเดินทางมาเที่ยวเชียงคาน สามารถเดินทางไปหลายแบบ ทั้งการนั่งรถยนต์ส่วนตัวมาเอง รถโดยสารประจำทาง มาลงที่เชียงคานได้เลย ไม่ต้องเดินทางหลายต่อ

ค่าบริการในการเข้าชม: ฟรี

สถานที่ตั้งของ เชียงคาน
อยู่ที่ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
#12
เมียจ๋าา  ;D
#13

Kawasaki W800 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ และความรู้สึกถึงตำนานที่เป็นต้นกำเนิดของความคลาสสิค และสร้างคาวาซากิให้ยิ่งใหญ่มาแล้วถึง 45 ปี มันจึงเป็นจักรยานยนต์สไตล์วินเทจอีกรุ่นที่เป็นตำนานเเละสร้างขึ้นด้วยความพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อคงความงดงามในทุกมุมมอง ชิ้นส่วนประกอบในหลายๆ จุดจึงใช้วัสดุที่เป็นโลหะ เรียกว่านี่คือรถอีกรุ่นที่คุณจะสัมผัสได้ถึงความคลาสสิคที่ยังมีลมหายใจ

Kawasaki W800 มาพร้อมกับมิติตัวรถที่น่าสนใจ ด้วยขนาดความกว้างอยู่ที่ 790 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,190 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,075 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,465 มิลลิเมตร ส่วนความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 125 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะนั่งที่ 790 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 14 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 217 กิโลกรัม

สมรรถนะของ Kawasaki W800 นั้นถือว่าน่าสนใจ เพราะมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบคู่แนวดิ่งระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยมีขุมกำลังขนาด 773 ซีซี เเบบ Air-cooled, 4-stroke Vertical Twin มีระบบวาล์วเเบบ SOHC, 8 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 77.0 x 83.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 8.4 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา โดยมีระบบเกียร์เป็นเเบบ 5 สปีด, ย้อนกลับ โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ ดิจิตอล ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø34 mm x 2 with sub-throttles โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า

เฟรมของ Kawasaki W800 จะเป็นเเบบเฟรมท่อคู่ DOUBLE-CRADLE FRAME ส่วนทางด้านระบบกันสะเทือนหน้าเป็น ø39 mm telescopic fork ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Twin Twin shocks, Spring preload 5-way ระบบเบรคด้านหน้าจะเป็นเเบบ Single 300 mm disc, Twin-piston ระบบเบรคด้านหลังจะเป็นเเบบ Drum, 160 mm โดยที่ยางหน้ามีขนาด 100/90-19M/C 57H ส่วนยางหลังมีขนาด 130/80-18M/C 66H หน้าจอเเสดงผลการขับขี่เป็นลักษณะของแผงมาตรวัดแบบดั้งเดิมมาพร้อมมาตรวัดความเร็ว และมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ แบบแยกอิสระต่อกันตามสไตล์คลาสสิค นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชั่น ที่แสดงผลทั้งมาตรบันทึกระยะทาง มาตรวัดระยะทาง และนาฬิกา ส่วนเบาะนั่งรูปทรงยาวหนานุ่มพร้อมลวดลายตัดขวางมีพื้นที่มากพอสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร วัสดุยูรีเทนที่ด้านหน้าเบาะนั่งได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงรองรับผู้ขับขี่เพื่อให้สามารถนำเท้าแตะพื้นได้ง่าย ส่วนกรอบไฟหน้าชุบโครเมี่ยมคุณภาพสูงพร้อมตัวเรือนที่มาในสีเดียวกับถังน้ำมันเชื้อเพลิงและฝาครอบข้าง ในขณะที่เลนไฟหน้ามาพร้อมลวดลายเส้นตรงถี่ตามแบบฉบับรถย้อนยุคสไตล์ดั้งเดิม ตัวบอดี้มี 2 สีให้เลือกกันคือสี EBONY (SPECIAL EDITION) (2017) เเละสี BLACK (SPECIAL EDITION) (2018)

โดยราคาขายของ Kawasaki W800 นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 395,000 บาท
#14

คาวาซากิ ถือว่าเป็นเเบรนด์มอเตอร์ไซด์อีกเเบรนด์ที่ผลิตรถออกมามากมายหลายรุ่น เเต่ที่เป็นรู้จักเเละนิยมกันในหมู่ผู้ที่ชื่อนชอบความเเรงก็คือหนีไม่พ้นตระกูล นินจา เเละ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ ก็ถือว่าเป็นท๊อปคลาสของรถในตระกูลนี้ที่มีเเต่คนสนใจจะได้มาครอบครอง

Kawasaki Ninja H2 SX SE+ นั้นเป็นรุ่นที่สามซึ่งเข้ามาเติมเต็มไลน์อัพของ Ninja H2 SX และ Ninja H2 SX SE โดยที่มิติตัวถังนั้นมีรายละเอียดคือ มีขนาดความกว้างอยู่ที่ 775 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,135 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,260 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,480 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 835 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 19 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 262 กิโลกรัม กลายเป็นโมเดลที่ล้ำสมัยที่สุดในตระกูลนินจาไปเลย

ทางด้านของสมรรถนะเครื่องยนต์นั้นต้องบอกเลยว่าเเรง เพราะ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 998 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke In-Line Four มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 16 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 76 x 55 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 11.2 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นเเบบ คลัตซ์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน โดยมีระบบส่งกำลัง 6-speed, return, Dog-ring โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø40 mm x 4 with dual injection โดยมีระบบสตาร์ทเป็นเเบบ Electric ทำให้คาวาซากิมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าการแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีและความก้าวหน้าของทางแบรนด์

Kawasaki Ninja H2 SX SE+ มาพร้อมกับเฟรมที่มีความเเข็งเเกร่งเพราะผลิตด้วยวัสดุชั้นยอดเเละเทคโนโลยีชั้นสูง โดยมีระบบกันสะเทือนหน้า เป็นเเบบ ø43 mm inverted fork with KECS-controlled rebound and compression damping, manual spring preload adjustability, and top-out springs ส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้นจะเป็นเเบบ New Uni Trak, BFRC lite gas-charged shock with piggyback reservoir, KECS-controlled compression and rebound damping, and electronically adjustable spring preload  ในขณะที่ระบบห้ามล้อหน้าจะเป็นเเบบ Dual semi-floating ø320 mm discs , Caliper - Dual radial-mount, Brembo Stylema monobloc, opposed 4-piston ส่วนระบบห้ามล้อหลังเป็นเเบบ Single ø250 mm disc , Caliper - 2-piston โดยมีขนาดยางหน้า 120/70ZR17M/C (58W) ส่วนขนาดยางหลัง 190/55ZR17M/C (75W) ส่วนทางด้านมาตราวัดรอบเครื่องยนต์แบบเข็มจับคู่มากับหน้าจอLCD สี TFT full colour คุณภาพสูงซึ่งสามารถปรับกราฟฟิคในการแสดงผลข้อมูลตามโหมดการแสดงผลที่มีให้เลือกมากถึงสี่แบบ โคมไฟหน้าดูสปอร์ตเร้าใขเเบบ LED โดยตัวบอดี้มี 2 สีให้เลือก 2 สีด้วยกันทั้งสีเขียว EMERALD BLAZED GREEN ที่เป็นเอกลักษณ์ เเละสีเทา GRAPHITE GRAY ที่สวยงามดุดัน

โดยสนราคาขายของ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 1,299,000 บาท ในส่วนของสีเเบบ EMERALD BLAZED GREEN เเละเรทราคา 1,160,000 บาทกับสีเเบบ GRAPHITE GRAY เเค่นี้ก็สามารถทำให้ผู้ขับขี่ที่กำลังมองหารถจักรยานยนต์ที่มาพร้อมอุปกรณ์เกรดสูงและอัตราเร่งสุด ตื่นเต้นเร้าใจของซูเปอร์ชาร์จรู้สึกพึงพอใจได้อย่างแน่นอน
#15

รถจักรยานยนต์ในตระกูล Ducati Scrambler นั้นนับว่าเข้ามาทำตลาดในประเทศมาพักใหญ่เเละเรียกความสนใจเเละยอดขายได้พอสมควร เเละหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจอย่าง New Ducati Scrambler NIGHTSHIFT ก็เป็น Café Racer เท่ห์ ทรงสมรรถนะ ที่ไม่ควรพลาดมาลองสัมผัสความเเรง

โครงสร้างตัวรถของ New Ducati Scrambler NIGHTSHIFT ออกเเบบมาได้อย่างลงตัวเเละเหมาะเจาะ ด้วยรถเปล่าอยู่ที่ 176 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 191 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 795 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,449 มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 24 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 108 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 13 ลิตร เบาะนั่งยาวชิ้นเดียวสามารถนั่งได้ 2 คน

ทางด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ของ New Ducati Scrambler NIGHTSHIFT นั้นก็เเรงไม่ใช่เล่น โดยการที่มันมาพร้อมกับเครื่องยนต์L-Twin, Desmodromic distribution, 2 valves per cylinder, air cooled ที่มีขุมพลังขนาด 803 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 88 x 66 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 73 เเรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 65.2 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection, 50 mm throttle body with Ride-by-Wire system ในขณะที่ระบบไอเสียจะเป็น Stainless steel muffler with catalytic converter and 2 lambda probes, aluminium tail pipes มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed มี Primary drive ที่ 1=32/13 2=30/18 3=28/21 4=26/23 5=22/22 6=24/26 อัตรา Straight cut gears, Ratio 1.85:1 ส่วน Final drive เป็นเเบบ Chain, front spocket 15, rear sprocket 46 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch

ทางด้านเฟรมของ New Ducati Scrambler NIGHTSHIFT ได้รับการออกเเบบมาใหม่ในเเบบ Tubular steel Trellis frame ที่ได้รับการออกเเบบใหม่มาเป็นอย่างดี มีความเเข็งเเกร่งเเละทนทานสูง ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็นเเบบ Upside down Kayaba 41 mm fork ทางด้านระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Kayaba rear shock, pre-load adjustable ระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเป็นเเบบ Ø330 mm disc, radial 4-piston calliper with Bosch Cornering ABS as standard equipment ส่วนเบรกหลังจะเป็นเเบบ Ø245 mm disc, 1-piston floating calliper with Bosch Cornering ABS as standard equipment ในขณะที่ส่วนของล้อหน้าจะเป็นเเบบ Spoked aluminium wheel 3.00" x 18"  ล้อหลังเป็นเเบบ Spoked aluminium wheel 5.50" x 17" โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli MT 60 RS 110/80 R18 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli MT 60 RS 180/55 R17 โคมไฟหน้าเป็นทรงกลมดวงเดียวขนาดใหญ่มีเหล็กกันกระเเทกคาดเเบบกากบาท แฮนด์จับยาว พร้อมกระจกเมืองหลังทรงกลมที่ปลายทั้งสองด้าน ส่วนไฟท้ายเเละไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียเดี่ยวดูดุดันจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour โดยเป็นทรงกลมผสมกับเหลี่ยมรูปเเบบใหม่ ที่พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีสีเดียวคือสีฟ้า Nebula Blue

สนราคาของ New Ducati Scrambler NIGHTSHIFT นั้นเคาะออกมาที่ 449,000 บาท
#16

สำหรับรถในตระกูล Hypermotard ของดูคาติเเล้ว ถือว่ามีความเเรงเเละน่าเร้าใจในการขับขี่เป็นอย่างยิ่ง เเละสำหรับ Ducati Hypermotard 950 RVE ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ควรพลาดมาสัมผัสกับความเเรงในอิตาเลี่ยนสไตล์

Ducati Hypermotard 950 RVE
มาพร้อมกับมิติตัวรถที่มีความน่าสนใจ เมื่อมันมาพร้อมกับน้ำหนักรถเปล่าที่ 200 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 870 มิลลิเมตร ระยะส่วนโค้งของขาด้านในอยู่ที่ 1,940 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,493 มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 25 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 104 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 14.5 ลิตร สามารถโดยสารได้ 2 คน เเบบ ดับเบิ้ลซีท เรียกว่าสเปกน่าสนใจไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว

ส่วนทางด้านของสมรรถนะนั้น Ducati Hypermotard 950 RVE มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์เเบบ Testastretta 11°, L-Twin cylinder, 4 valve per cylinder, Desmodromic, liquid cooled, magnesium head covers ที่มีขุมพลังขนาด 937 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 94 x 67.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 13.3 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 114 เเรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 96 นิวตันเมตรที่ 7,250 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system, Ø 53 mm throttle bodies with full Ride by Wire system ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ Double under-tail aluminum muffler; catalytic converter and two lambda probes มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears, Ratio 1.54:1 มีอัตราที่ 1=37/15 2=30/17 3=28/20 4=26/22 5=24/23 6=23/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain; Front sprocket 15; Rear sprocket 43 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Slipper and self-servo wet multiplate clutch, hydraulic control

ส่วนทางด้านของเฟรมนั้น Ducati Hypermotard 950 RVE มาพร้อมกับเฟรมเเบบ steel trellis frame with variable-section tubes ที่มีความสวยงามเเละเเข็งเเรงเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็นเเบบ Marzocchi aluminum fully adjustable, upside-down Ø 45 mm ส่วนระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Progressive linkage with adjustable spring preload and rebound damping Sachs monoshock. Aluminium single-sided swingarm ในส่วนของระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเเบบ 2 x 320 mm semi-floating aluminum flange discs, radially mounted Monobloc Brembo callipers, 4-piston 2-pad, radial pump with adjustable lever, with Bosch Cornering ABS ล้อหน้าเเละหลังมีขนาด 170 mm (6.7 in) - 150 mm (5.9 in) โดยล้อหลังจะเป็นเเบบ Y shaped 3-spoke light alloy 5.5" x 17" ในขณะที่ยางหน้าเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III, 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III, 180/55 ZR17 หน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 3.5 นิ้วเเบบ TFT colour display and dedicated warning light display ระบบไฟทั้งโคมไฟหน้า-ท้าย เเละไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด โดยไฟเลี้ยวอยู่ติดที่กันเกระเเทกตรงเเฮนด์ พร้อมท่อไอเสียคู่ ตัวบอดี้มีสีเดียวเเบบสี Graffiti

สนราคาขายของ Ducati Hypermotard 950 RVE อยู่ที่ 529,000 บาท นับว่าเป็นราคาที่น่าสนใจของรถสไตล์นี้
#17

รถจักรยานยนต์เเนวแอดเวนเจอร์ของไทรอัมพ์ ถือว่าได้รับความนิยมจากบรรดาผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถผจญภัย โดยสำหรับ Triumph TIGER 900 GT PRO ก็เป็นอีกรุ่นที่ได้รับการออกเเบบมาเพื่อการผจญภัยบนท้องถนนโดยเฉพาะ เเละมีครบครันทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ทำให้ได้รับความสนใจจากบรรดา

Triumph TIGER 900 GT PRO มีโครงสร้างตัวรถที่ได้รับการออกเเบบมาอย่างเหมาะเจาะ โดยมีแฮนด์บาร์กว้าง 930 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,410-1,460 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 810-830 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,556 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 24.6 º ส่วนเทรลอยู่ที่ 133.3 มิลลิเมตร ถังนำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 20 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 194 กิโลกรัม เรียกว่าเป็นแอดเวนเจอร์ที่มีขนาดน่าสนใจอีกรุ่น

Triumph TIGER 900 GT PRO มีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ถือว่าเเรงไม่เบาเลยทีเดียว โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ 3 สูบแถวเรียงแบบ DOHC 12 วาล์ว ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว โดยมีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 888 ซีซี กระบอกสูบขนาด 78 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 61.9 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.27:1 สามารถให้กำลังที่ 93.9 เเรงม้าที่ 8,750 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 87 นิวตันเมตรที่ 7,250 รอบต่อนาที โดยมีระบบการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงอิเล็คทรอนิคส์แบบ Multipoint sequentia ระบบไอเสียจะเป็นระบบเฮดเดอร์สแตนเลสสตีลแบบเส้นเดียวข้างรถความสูงต่ำแบบ 3 รวมเป็น 1 ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่โอริง โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบแบบเปียก, หลายแผ่น ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด เรียกว่าเป็นอีกรุ่นที่เเรงสะใจกันไปเลย

Triumph TIGER 900 GT PRO  มีเฟรมท่อเหล็ก ยึดกับซับเฟรมด้วยสกรู ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบแขนคู่อลูมิเนียมอัลลอยหล่อขึ้นรูป ส่วนล้อหน้าเป็นเเบบอัลลอยด์หล่อ 19 x 2.5 นิ้ว ส่วนล้อหลังเป็นเเบบอัลลอยด์หล่อ 17 x 4.25 นิ้ว โดยที่ยางหน้ามีขนาด 100/90-19 ส่วนยางหลังมีขนาด 150/70R17 ทางด้านระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบโช้คหน้าหัวกลับ Marzocchi ขนาด 45 มิลลิเมตร ปรับตั้งการคืนตัวและการยุบตัวแบบแมนนวล, ระยะยุบตัว 180 มิลลิเมตร ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Marzocchi, ปรับตั้งพรีโหลดและการคืนตัวแบบแมนนวล, ระยะยุบตัวล้อหลัง 170 มิลลิเมตร ส่วนระบบเบรกนั้น เบรกหน้าเป็นเเบบจานเบรกคู่แบบลอยตัวขนาด 320 มม., คาลิปเปอร์โมโนบล็อก 4 สูบ Brembo Stylema แม่ปั๊มเบรกหน้าแบบเรดียล, ABS หลายโหมด, ABS แบบช่วยเสริมสมรรถนะการเข้าโค้ง ส่วนเบรกหลังจะเป็นเเบบจานเบรกเดี่ยว 255 มม. คาลิปเปอร์แบบเลื่อนลูกสูบเดี่ยวของ Brembor, ABS หลายโหมด, ABS แบบช่วยเสริมสมรรถนะการเข้าโค้ง หน้าจอเเสดงผลจะเป็นลักษณะของแผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชัน TFT 7" พร้อมมาตรวัดความเร็วดิจิทัล, ทริปคอมพิวเตอร์, มาตรวัดรอบเครื่องดิจิทัล, สัญลักษณ์แสดงตำแหน่งเกียร์, เกจน้ำมันเชื้อเพลิง, สัญลักษณ์เตือนการซ่อมบำรุง, อุณหภูมิแวดล้อม, นาฬิกา และโหมดการขี่ ตัวบอดี้มี 3 สีให้เลือกทั้งสีเเดง, สีดำเเละสีขาว

สนราคาขายของ Triumph TIGER 900 GT PRO  นั้น ประกาศออกมาที่เรทราคา 639,000 บาท
#18

รถจักรยานยนต์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิคอีกรุ่นที่ ไทรอัมพ์ ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งคงหนีไม่พ้น Triumph New Bonneville T120 ที่ถ่ายทอดดีเอ็นเอมาอย่างเต็มเปี่ยมทำให้ยังคงเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ในตำนานไว้อย่างครบถ้วน ทั้งสมรรถนะ และขีดความสามารถอันทันสมัย

โครงสร้างตัวรถของ Triumph New Bonneville T120 มาพร้อมกับความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 780 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,110 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 790 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,450 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.5 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 105.2 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 14.5 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 236 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.7 ลิตร/100 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างที่ลงตัวอีกรุ่น

Triumph New Bonneville T120 มาพร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดุดัน โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ยนต์เเบบ ระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,200 ซีซี กระบอกสูบขนาด 97.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 10.0:1 สามารถให้กำลังที่ 80 เเรงม้าที่ 6,550 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 105 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์หลายจุดตามลำดับ ระบบท่อไอเสียโครเมียม 2 เป็น 2 พร้อมท่อเก็บเสียงโครเมียมคู่ ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่  โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

Triumph New Bonneville T120 มาพร้อมกับเฟรมเเบบโครงท่อเหล็กพร้อมแท่นวางคู่ ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบการประดิษฐ์สองด้าน ล้อหน้าจะเป็นเเบบขอบอลูมิเนียม 32 ซี่ 18 x 2.75 นิ้ว ส่วนล้อหลังจะเป็นเเบบ ขอบอลูมิเนียม 32 ซี่ 17 x 4.25 นิ้ว โดยยางหน้ามีขนาด 100/90-18 ยางหลังมีขนาด 150/70 R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบส้อม 41 มิลลิเมตร พร้อมตลับ โดยที่ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ RSU คู่พร้อมการปรับพรีโหลด ส่วนเบรกหน้าจะเป็นเเบบจานคู่ 310 มิลลิมเตร คาลิปเปอร์ Brembo 2 ลูกสูบ ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบจานเดี่ยว 255 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ Nissin 2 ลูกสูบลอยพร้อม ABS โดยที่แผงหน้าปัดเป็นเเบบ LCD มัลติฟังก์ชั่นแบบ Dual-display พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก ไฟหน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 1 ดวง เบาะนั่งเดี่ยวยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ส่วนตัวบอดี้นั้นมีด้วยกัน 3 เฉดสี ทั้งสีน้ำเงิน, สีเเดงเลือดหมู เเละสีดำ

ราคาขายของ Triumph New Bonneville T120 นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 568,000 บาท นับว่าเป็นอีกรุ่นของไทรอัมพ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
#19

หากคุณกำลังมองหารถสไตล์แบกเกอร์ที่คัสตอมจากโรงงานและขุมพลังที่สยบทุกเส้นทางในสีเคลือบแบล็คเอาท์หรือโครเมียม เเน่นอนเลยว่าผลงานของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อย่าง Harley-Davidson STREET GLIDE SPECIAL ปี 2023 นั้นน่าสนใจเอาอย่างมาก เพราะนี่คือรถมอเตอร์ไซค์ Grand American Touring สไตล์อเมริกันที่ใครได้สัมผัสเเล้วก็ต้องตราตรึงใจไปอีกนานเเสนนาน

สำหรับ Harley-Davidson STREET GLIDE SPECIAL ปี 2023 นั้นเป็นรถที่มีมิติตัวรถน่าสนใจด้วยขนาดความยาวตัวรถอยู่ที่ 2,425 มิลลิเมตร ส่วนทางด้านของระดับความสูงเบาะ ขณะไม่ได้บรรทุก อยู่ที่ 690 มิลลิเมตร ระยะใต้ท้องรถอยู่ที่ 125 มิลลิเมตร ส่วนระยะเยื้องของตะเกียบหน้าอยู่ที่ 26 ในขณะที่ส่วนท้ายมีขนาด 173 มิลลิเมตร ฐานล้อมีระยะ 1,625 มิลลิเมตร ยางล้อหน้าเป็นเเบบ 130/60B19 61H ส่วนยางล้อหลังเป็นเเบบ 180/55B18 80H โดยที่ยางจะแบบไบแอสแก้มดำ Dunlop Harley-Davidson Series โดยมีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 22.7 ลิตร ส่วนความจุน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองอยู่ที่ 4.9 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักขณะขนส่งอยู่ที่ 359 กิโลกรัมเเละมีน้ำหนักพร้อมขับขี่อยู่ที่ 375 กิโลกรัม ความจุสัมภาระมีปริมาตร 0.071 ลบ.ม.

สมรรถนะของ Harley-Davidson STREET GLIDE SPECIAL ปี 2023 ก็นับว่าสูงมาก เมื่อมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่น Milwaukee-Eight 114 V-Twin ที่มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,868 ซีซี มีความกว้างของกระบอกสูบ 102 มิลลิเมตร มีจังหวะขึ้นลงของลูกสูบที่ 114.3 มิลลิเมตร โดยมีอัตราส่วนการอัดที่ 10.5:1 มีระบบเชื้อเพลิงเป็นระบบช่องฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์แบบต่อเนื่อง (ESPFI) เเละมีท่อไอเสียคู่ 2-1-2 กับปลายท่อแบบแคบลง โดยแรงบิดเครื่องยนต์อยู่ที่ 158 Nm มีแรงบิดเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) อยู่ที่ 3250 ให้กำลังเเรงม้าที่ 93 HP / 69 kW @ 5250 rpm ส่วนมุมเลี้ยวขวาอยู่ที่ 32 องศา ส่วนมุมเลี้ยวซ้ายอยู่ที่ 31 องศา ส่วนวิธีทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเเบบ EU 134/2014 ทำให้มีการประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ที่ 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยระบบขับเคลื่อนหลักเป็นเกียร์ 6 สปีด มีอัตราทดของโซ่ 34/46

เฟรมของ Harley-Davidson STREET GLIDE SPECIAL ปี 2023 ได้รับการออกเเบบใหม่ตามสไตล์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสันให้มีความเเข็งเเกร่งสูง โดยทางด้านแชสซีจะมี โช้คหน้าเป็นเเบบวาล์วแบบ Dual Bending ขนาด 49 มิลลิเมตร ในขณะที่โช้คหลังเป็นเเบบ ระบบกันสะเทือนด้านหลังมาตรฐานระดับพรีเมียมแบบปรับสูงต่ำได้ ล้อหน้าเเละล้อหลังเป็นเเบบ Prodigy สี Gloss black ส่วนจานเบรกหน้าเป็นเเบบจานเบรกแบบสองชิ้น ทางด้านหลังจะเป็นเเบบจานเบรกแบบคงที่ ส่วนคาลิเปอร์เบรกเป็นเเบบ 4 ลูกสูบหน้ายึดกับที่และหลังขนาด 32 มิลลิเมตร ส่วนโคมไฟหน้าทรงกลมคลาสสิคสวยงามอยู่ในครอบกระจังสไตล์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อันเป็นเอกลักษณ์ โดยไฟหน้า LED Daymaker สีขาวสว่างจ้าผสานด้วยระบบไฟ LED สำหรับไฟต่ำ 34 วัตต์ ความสว่าง 915 ลูเมน, ไฟสูง 37 วัตต์ ความสว่าง 915 ลูเมน, 8 วัตต์/28 วัตต์ สำหรับไฟท้าย/ไฟหยุด สัญญาณไฟหน้าและสัญญาณไฟเลี้ยวด้านหลังจอแสดงผลจะแสดงมาตรวัดระยะทาง, มาตรบันทึกระยะทาง A, มาตรบันทึกระยะทาง B, ระยะทางที่ขับขี่ได้ก่อนน้ำมันเชื้อเพลิงหมด, ไฟแสดงสถานะเกียร์ และไฟบอกสถานะที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีระบบอินโฟเทนเมนต์เเบบ Boom! Box GTS พร้อมขนาดลำโพงมาตรฐาน 5.25 นิ้วโดยที่มีสีตัวถังเป็น ชุดสีทู-โทนที่ไม่เคยวางจำหน่ายที่ไหนมาก่อน มาด้วยกัน 6 เฉดสีทั้ง สีดำ Vivid Black/Black Finish, สีเงิน-ดำ Atlas Silver Metallic w/Black Finish, สีทอง-ดำ Prospect Gold w/Black Finish, สี น้ำเงิน-เทา Bright Billiard Blue/Bright Gray w/Black Finish, สีเหลือง-ดำ Industrial Yellow/Vivid Black/Black Finish เเละสีแดง Heirloom Red Fade 

โดยราคาขาย Harley-Davidson STREET GLIDE SPECIAL ปี 2023 นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 1,585,000 บาทสำหรุ่นที่มีตัวถังสีดำ Vivid Black/Black Finish ส่วนรุ่นที่มีตัวถังสีเงิน-ดำ Atlas Silver Metallic w/Black Finish เเละสีทอง-ดำ Prospect Gold w/Black Finish มีราคาขายที่เรท 1,599,000 บาท ส่วนรุ่นที่มีตัวถังสี น้ำเงิน-เทา Bright Billiard Blue/Bright Gray w/Black Finish เเละสีเหลือง-ดำ Industrial Yellow/Vivid Black/Black Finish มีราคาขายที่เรท 1,620,000 บาท ส่วนรุ่นที่มีตัวถังสีแดง Heirloom Red Fade  จะมีราคาขายที่ 1,853,000 บาท
#20

Harley-Davidson ROAD KING SPECIAL ปี 2023 คืออีกหนึ่งมอเตอร์ไซค์ Grand American Touring ที่ภาคภูมิใจของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เพราะมันคือรถจักรยานยนต์ทัวร์ริ่งสไตล์แบกเกอร์คัสตอมกับขุมพลังที่เหนือชั้น พร้อมรูปลักษณ์ของผู้นำ

Harley-Davidson ROAD KING SPECIAL ปี 2023 นั้นมีขนาดความยาวตัวรถอยู่ที่ 2,420 มิลลิเมตร ส่วนทางด้านของระดับความสูงเบาะ ขณะไม่ได้บรรทุก อยู่ที่ 695 มิลลิเมตร ระยะใต้ท้องรถอยู่ที่ 125 มิลลิเมตร ส่วนระยะเยื้องของตะเกียบหน้าอยู่ที่ 26 ในขณะที่ส่วนท้ายมีขนาด 175 มิลลิเมตร ฐานล้อมีระยะ 1,625 มิลลิเมตร ยางล้อหน้าเป็นเเบบ 130/60B19 61H ส่วนยางล้อหลังเป็นเเบบ 180/55B18 80H โดยที่ยางจะแบบไบแอสแก้มดำ Dunlop Harley-Davidson Series โดยมีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 22.7 ลิตร ส่วนความจุน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองอยู่ที่ 4.9 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักขณะขนส่งอยู่ที่ 351 กิโลกรัมเเละมีน้ำหนักพร้อมขับขี่อยู่ที่ 366 กิโลกรัม ความจุสัมภาระมีปริมาตร 0.07 ลบ.ม.

Harley-Davidson ROAD KING SPECIAL ปี 2023 มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่น Milwaukee-Eight 114 V-Twin ที่มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,868 ซีซี มีความกว้างของกระบอกสูบ 102 มิลลิเมตร มีจังหวะขึ้นลงของลูกสูบที่ 114.3 มิลลิเมตร โดยมีอัตราส่วนการอัดที่ 10.5:1 มีระบบเชื้อเพลิงเป็นระบบช่องฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์แบบต่อเนื่อง (ESPFI) เเละมีท่อไอเสียเป็นเเบบ ท่อไอเสียคู่ 2-1-2 พร้อมท่อกรองทรงเรียว สีดำ โดยแรงบิดเครื่องยนต์อยู่ที่ 158 Nm มีแรงบิดเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) อยู่ที่ 3250 ให้กำลังเเรงม้าที่ 93 HP / 69 kW @ 5250 rpm ส่วนมุมเลี้ยวขวาอยู่ที่ 32 องศา ส่วนมุมเลี้ยวซ้ายอยู่ที่ 31 องศา ส่วนวิธีทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเเบบ EU 134/2014 ทำให้มีการประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ที่ 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยระบบขับเคลื่อนหลักเป็นเกียร์ 6 สปีด มีอัตราทดของโซ่ 34/46

Harley-Davidson ROAD KING SPECIAL ปี 2023 มีเฟรมที่ได้รับการออกเเบบใหม่ตามสไตล์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสันให้มีความเเข็งเเกร่งสูง โดยทางด้านแชสซีจะมี โช้คหน้าเป็นเเบบวาล์วแบบ Dual Bending ขนาด 49 มิลลิเมตร ในขณะที่โช้คหลังเป็นเเบบ ระบบกันสะเทือนด้านหลังมาตรฐานระดับพรีเมียมแบบปรับสูงต่ำได้ ล้อหน้าเเละล้อหลังเป็นเเบบ Prodigy สีดำเงา ส่วนจานเบรกหน้าเป็นเเบบจานเบรกแบบสองชิ้น ทางด้านหลังจะเป็นเเบบจานเบรกแบบคงที่ ส่วนคาลิเปอร์เบรกเป็นเเบบ 4 ลูกสูบหน้ายึดกับที่และหลังขนาด 32 มิลลิเมตร ส่วนโคมไฟหน้าทรงกลมใหญ่คลาสสิคสวยงาม โดยระบบไฟเป็นเเบบ LED สำหรับไฟต่ำ 34 วัตต์ ความสว่าง 915 ลูเมน, ไฟสูง 37 วัตต์ ความสว่าง 915 ลูเมน, 8 วัตต์/28 วัตต์ สำหรับไฟท้าย/ไฟหยุด สัญญาณไฟหน้าและสัญญาณไฟเลี้ยวด้านหลัง ทางด้านมาตรวัดได้รับการออกแบบมาให้เสริมความโดดเด่นของรถแต่ละคัน จอแสดงผลจะแสดงมาตรวัดระยะทาง, มาตรบันทึกระยะทาง A, มาตรบันทึกระยะทาง B, ระยะทางที่ขับขี่ได้ก่อนน้ำมันเชื้อเพลิงหมด, ไฟแสดงสถานะเกียร์ และไฟบอกสถานะที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยที่มีสีตัวถัง 3 สีมาให้เลือกกัน ทั้งสีดำ Vivid Black, สีน้ำเงิน Bright Billiard Blue เเละสีเหลือง Industrial Yellow

ราคาขายของ Harley-Davidson ROAD KING SPECIAL ปี 2023 เคาะราคาขายออกมาที่ 1,502,000 บาท สำหรับรุ่นที่มีตัวถังสีดำ Vivid Black ส่วนรุ่นที่มีตัวถังสีน้ำเงิน Bright Billiard Blue เเละสีเหลือง Industrial Yellow ขายที่ราคา 1,516,000 บาท