Thailand Cruiser

TOYOTA VIOS ENTRY รุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน เพียงแค่เห็นหน้าตาครั้งแรก ก็ต้องบอกเลยว่าน่าขับสุดๆ เพราะออกแบบมาได้อย่างลงตัว ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเป็นเรื่องสะดวกสบาย พร้อมเผชิญกับทุกเส้นทาง
ขุมกำลังของ TOYOTA VIOS ENTRY

เครื่องยนต์
•   ใช้เครื่องยนต์ 2NR-FBE / 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i
•   ปริมาตรความจุของกระบอกสูบอยู่ที่ 1,496 ซีซี
•   กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 79 แรงม้า ที่/ 6,000 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 140/ 4,200 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
•   รองรับการใช้น้ำมัน E85
•   ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร
•   อัตราประหยัดน้ำมัน 16 กิโลเมตร/ลิตร

ดีไซน์ภายนอก
รุ่นนี้ได้ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ กระจังหน้าสีดำ คิ้วฝากระโปรงสีเดียวกับรถ ที่ปัดน้ำฝนแบบธรรมดา กระจกมองข้ามเป็นสีเดียวกันตัวรถ สามารถปรับ
และพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมกับไฟเลี้ยวในตัว

ดีไซน์ภายใน
เบาะนั่งคนขับสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ มีกระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้า คอนโซลกลางพร้อมที่เก็บของ ใช้พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า EPS สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ ทำจากวัสดุยูรีเทน กระจกหน้าต่างแบบไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับระบบป้องกันการหนีบด้านคนขับ เบาะนั่งคนขับทำจากผ้า ใช้วัสดุตกแต่งแผงคอนโซลหน้าสีดำ

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
รุ่นนี้ได้มาตรวัดเป็นแบบ Analog มีไฟแสดงการขับขี่แบบหยัด (Eco Master) มีเครื่องเสียง ที่สามารถเล่นวิทยุ ซีดี พร้อมช่องสำหรับเชื่อมต่อ USB และ AUX ลำโพงในรถ 2 ตำแหน่ง มีไฟส่องสว่างในตัวรถอัตโนมัติ

ระบบความปลอดภัยของ TOYOTA VIOS ENTRY
ถุงลมนิรภัยระบบ SRS คู่หน้า ระบบความปลอดภัยก่อนการชน  รุ่นนี้มาพร้อมระบบเบรกแบบ(ABS) ป้องกันล้อล็อก ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ เข็ม ระบบกระจายแรงเบรกแบบ(EBD) และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน รบบป้องกันล้อล้อหมุนฟรี TRC ตัวช่วยควบคุมการทรงตัว(VSC) ขัดนิรภัยด้านหน้า 2 จุด และด้านหลัง 3 จุด เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง 3 จุด 2ตำแหน่ง ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน กล้องมองขณะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัย

ราคา
TOYOTA VIOS ENTRY มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 609,000 บาท

เป็นรถยนต์ที่อยู่ในคลาสเริ่มต้น ที่ราคาไม่สูงจนเกินไป เข้าถึงได้ง่าย ผ่อนสบาย เหมาะกับผู้ที่ต้องการอยากมีรถคันแรก รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลย ทำให้การเดินทางของคุณสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมือง นอกเมือง หรือเดินทางไกล TOYOTA VIOS ENTRY รุ่นนี้เอาอยู่หมด แถมยังมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่ารุ่นก่อนด้วย แบบนี้รอช้าไม่ได้แล้ว อยากให้ทุกท่านได้ลองขับดูสักครั้ง แล้วจะรู้ว่ารุ่นนี้มีความพิเศษกว่าแต่ก่อนค่อนข้างเยอะเลยแหละ

Nissan Navara DC Calibre E 6MT Black Edition รุ่นใหม่ปี 2023 นี้ ได้มีการอัพเกรดสมรรถนะของตัวรถให้ล้ำยิ่งขึ้นไปอีก จัดเต็มทั้งเทคโนโลยี ความปลอดภัย การออกแบบทั้งหมด ที่หรูหรา แข็งแกร่ง และดูสปอร์ต ยิ่งมีสติ๊กเกอร์ Black Edition เข้ามาเสริมด้วย ก็ยิ่งทำให้ดูดุดันมากขึ้น และด้วยกำลังที่สูง ทำให้งานไหนๆ จากยากก็จะกลายเป็นง่ายทันที

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
•    เครื่องยนต์ YS23DDT เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบคู่แปรผัน (VGS) อินเตอร์คูลเลอร์ 
•    ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 2,298 CC
•    กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 163 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที
•    แรงบิด 403 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/รอบต่อนาที
•    ระบบเกียร์ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
•    รองรับการใช้น้ำมัน ดีเซล, B20
•    ความจุของถังน้ำมัน 80 ลิตร

ดีไซน์ภายนอก
ภายนอกของ Nissan Navara DC Calibre E 6MT Black Edition ได้ชุดตกแต่งพิเศษสีดำ พร้อมลายกราฟฟิก Black Edition รอบคัน, ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED โดยเป็นระบบการส่องสว่างอัตโนมัติ มาพร้อมกับระบบ Follow-Me-Home, ไฟท้ายแบบ LED, กระจังหน้าสีดำแบบอินเตอร์ล็อค,ไฟส่องสว่างตอนกลางวัน Daytime Running Lights, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว, ระบบการเปิด-ปิดไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, ล้อแม็ก
ขนาด 18 นิ้ว, สปอยด์เลอร์หลัง, บันไดข้างแบบแต่งสีดำ, ที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบ 2 จังหวะ พร้อมระบบหน่วงเวลา

ดีไซน์ภายใน
ด้านในห้องโดยสาร แผงควบคุมเครื่องเสียงต่างๆ ตกแต่งด้วยแนว Piano Black, มาพร้อมกับพวงมาลัยที่สามารถปรับสูงต่ำและเข้าออกได้, ปลั๊กไฟขนาด 12 โวลต์, กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติ, อุปกรณ์มาตรวัดภายใน แสดงข้อมูลการขับขี่แบบ 3 มิติ,เบาะนั่งสามารถปรับสูง-ต่ำได้,รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth, กระจกข้างแบบปรับไฟฟ้า, พวงมาลัยเพาเวอร์, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay / Android Auto ได้,

เทคโนโลยีและความปลอดภัย
Nissan Navara DC Calibre E 6MT Black Edition ในปีนี้ นิสสัน มีการเพิ่มระบบความปลอดภัยให้ดีขึ้นไปอีก ได้แก่ ระบบการเบรกแบบ ABS และระบบช่วยในการกระจายแรงเบรก, ตัวถังแบบนิรภัย, คานเหล็กเสริมนิรภัย เพิ่มความแข็งแรง, กุญแจนิรภัย, ตัวช่วยในการควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ, ไฟเบรกดวงที่สามเป็นแบบ LED ให้ความคมชัดมากขึ้น, กล้องบันทึกวิดีโออัตโนมัติ, กระจกนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่, เพิ่มหลอดไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน, กล้องอัจฉริยะที่มองได้รอบทิศทาง, ระบบช่วยในการออกตัว เมื่อจอดบนที่ลาดชัน หรือว่าออกตัวบนที่ลาดชัน, ระบบช่องป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบป้องกันการขโมย พร้อมกุญแจแบบนิรภัย, ระบบช่วยในการควบคุมการทรงตัว

ราคาจำหน่าย 884,000 บาท
เป็นอย่างไรบ้างกับ Nissan Navara DC Calibre E 6MT Black Edition รุ่นนี้ เรียกว่าได้ของติดรถสุดพิเศษเยอะมาก คุ้มค่ากับราคาที่ไม่ถึงล้านบาท ชนิดที่ซื้อมาแล้ว ไม่ต้องมาตกแต่งเพิ่มเติมอะไรอีกเลย เพราะว่าของติดรถที่ให้มา ก็เพียงพอแล้ว และสวยงาม ดุดันแล้ว เป็นตัวจบของคนที่รักกระบะเลยก็ว่าได้ หากท่านใดได้ลองขับเองสักครั้ง จะไม่อยากไปลองรุ่นไหนอีกแน่

Suzuki ล่าสุดได้เปิดเผยรถตัวใหม่ล่าสุดของทางค่ายออกมาแล้วในปี 2023 นี้ ในชื่อรุ่น Suzuki Swift GL NEXT 2023 เป็นรถสปอร์ตแฮทช์แบ็กอีโคคาร์ใหม่ล่าสุด พร้อมด้วยชุดแต่งพิเศษที่ติดตัวรถมาจากโรงงาน ที่แทบจะไม่ต้องนำไปแต่งเพิ่มอะไรแล้ว สามารถขับออกไปด้วยสไตล์สุดแท้ทันสมัยใหม่ แต่ยังคงความคลาสสิคสวยงามของทางค่ายไว้อย่างดีงาม ชุดแต่งที่มีมานี้ จัดมาแบบยกชุดรอบคันเลยทีเดียว

    Suzuki Swift GL NEXT 2023 ออกแบบมาเพื่อเอาใจผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่อยากจะสนุกกับรถมากขึ้น แต่ว่าไม่อยากจะเสียเวลาไปแต่งอะไรเพิ่มแล้ว ต้องการได้มาแบบครบจบเต็มๆไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มอีก ซึ่งรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้อย่างดี เมื่อตกแต่งด้วยชุดสติกเกอร์ลายใหม่ล่าสุดของค่ายแบบรอบคัน ภายในยังตกแต่งด้วยวัสดุลายเคฟลาร์อย่างพิถิพิถัน เป็นรถแนวสปอร์ตแฮทช์แบ็กที่ร้อนแรงสุดๆในปี 2023 นี้

    ภายนอกว่าฉูดฉาดเร้าใจแล้ว ภายในของ Suzuki Swift GL NEXT 2023 ยังทำออกมาได้ยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ ด้วยการตกแต่งภายในด้วยการใช้วัสดลายเคฟลาร์ ทั้งบริเวณคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างทั้งคัน จอด้านหน้าเป็นจออินโฟรเทนเมนต์แบบสัมผัสที่ใหม่ทันสมัยที่สุด ความใหญ่ขนาด 7 นิ้วดูสบายตาด้วยสีที่คมชัด เครื่องเล่นวิทยุยังมีไม่ได้ตัดทิ้งไป รองรับไฟล์ต่างๆ MP3 หรือ WMA ได้หมด ที่พร้อมเติมเต็มความบันเทิงในการขับขี่ได้อย่างถึงใจ และระบบการเชื่อมต่อต่างๆไม่ว่าด้านไหน ก็รวดเร็ว แม่นยำ ทั้ง Bluetooh หรือกับ สมาร์ทโฟน ก็ไม่มีสะดุด

    ส่วนชุดอุปกรณ์ที่แต่งเติมต่างๆ น่าสนใจเช่นกัน คือ มีชุดไฟsohk Multi Reflector Halogen ไฟ DRL ที่เป็นแบบ LED เช่นกันกับไฟท้าย LED, กระจกมองข้างที่การปรับหรือพับทำงานด้วยระบบไฟฟ้า, ระบบเปิดประตูอัจฉริยะพร้อม Keyless Push Start, พวงมาลัย Multifunction ทรง D-Shape ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งทรงสปอร์ตโอบกระชับตัว, ระบบปรับอากาศทรงประสิทธิภาพแบบอัตโนมัติ และ ช่องเชื่อมต่อ USB กับ AUX

    เครื่องยนต์ของ Suzuki Swift GL NEXT 2023 เป็นแบบเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร DUALJET ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งต่อกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E20 โดยมีอัตราประหยัดเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยกว่า 23 กิโลเมตรต่อลิตร ประหยัดน้ำมันสุดๆ

    และสุดท้ายคือสีของรถ มีให้เลือก 6 แบบด้วยกัน คือ สีแดง Ablaze Red Pearl, สีเทา Star Silver Metallic, สีเทา Mineral Gray Metallic, สีดำ Super Black Pearl, สีน้ำเงิน Speedy Blue Metallic และ สีขาว Pure White Pearl ส่วนราคาอยู่ที่ 587,000 บาท

Mitsubishi Tritom Athlete Double Cab Plus Athlete GT กระบะ 4 ประตูแบบยกสูง ที่ยอดขายอันดับต้นๆ ของตลาดรถกระบะในประเทศไทย ที่เห็นรูปลักษณ์ภายนอก ก็น่าขับแล้ว ยิ่งใครที่ได้ลอง หรือว่าเป็นเจ้าของรุ่นนี้ เป็นติดใจกันทุกคน จะขับขี่บนทางเรียบ หรือทางออฟโรด รุ่นนี้ก็เอาอยู่ ด้วยพลังกำลังที่เหลือเฟือ ลองมาดูรายละเอียดอื่นๆ กันบ้าง ว่ารุ่นนี้มีความพิเศษอย่างไร

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
ในรุ่น Mitsubishi Tritom Athlete Double Cab Plus Athlete GT มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน VG-Turbo – Intercooler
•   กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที
•   แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที
•   ระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ 6 จังหวะ
•   อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 13.2 กิโลเมตร/ลิตร
•   รองรับน้ำมัน ดีเซล

ดีไซน์ภายนอก
ภายนอกของ Mitsubishi Tritom Athlete Double Cab Plus Athlete GT ตกแต่งให้ดูดุดัน เหมาะกับการออฟโรด ด้วยการใช้วัสดุสีดำ ทำให้ดูแล้วแข็งแร่ง กระจังมาพร้อมกับช่องลมขนาดใหญ่เสริมด้วยกันชนล่างสีดำ ไฟหน้าเปลี่ยนใหม่เป็นแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED ไฟตัดหมอกแบบ LED มีไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน กระจกมองข้างสีดำ เป็นแบบที่มีไฟเลี้ยวในตัว สามารถพับเก็บแบบไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อจอด

ดีไซน์ภายใน
มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ติดตั้งตรงคอนโซลกลาง ทำให้การควบคุมและดูรายละเอียดต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น การตกแต่งห้องโดยสารแบบหรูหรา เบาะนั่งทูโทน ให้ความรู้สึกสปอร์ต เบาะนั่งคนขับเป็นแบบไฟฟ้า สามารถปรับได้ 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth และสามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ มีช่องเสียบ USB ทั้งหมด 3 ตำแหน่ง

ระบบความปลอดภัยของ
เทคโนโลยีและความปลอดภัย Mitsubishi Tritom Athlete Double Cab Plus Athlete GT ที่น่าสนใจมีดังนี้คือ ถุงลมนิรภัยตรงที่นั่งคู่หน้า คานเหล็กนิรภัย ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเสริมแรงเบรก ตัวช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรี ป้องกันไม่ให้ไหล เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง สามารถปรับระดับได้ และดึงกลับอัตโนมัติระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน การไล่ฝ้ากระจกหลัง ระบบไฟฉุกเฉิน เมื่อมีการเบรกอัตโนมัติ ระบบป้องกันการ
ล็อกจากด้านใน กล้องมองรอบคันขณะขับขี่ พร้อมกับแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ

ราคาจำหน่าย 1,005,000 บาท
จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานหลายๆ ท่าน ที่เคยได้ลองขับ Mitsubishi Tritom Athlete Double Cab Plus Athlete GT รุ่นนี้มาบ้างแล้ว ต่างก็บอกเหมือนกันเลยว่า รุ่นนี้ใช้งานดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกระบะยี่ห้ออื่น ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจให้รำคาญ เรียกว่าซื้อมาครั้งเดียวคือจบทุกอย่าง จะใช้งานแบบไหนก็สะดวกสบาย รับได้ทุกเส้นทาง

ช่วงไหนที่เหนื่อยๆ การได้เที่ยวในสถานที่ที่สวยงาม แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ เป็นการเพิ่มพลังให้กับชีวิตได้อย่างดี วันนี้เราก็เลยอยากมาแนะนำที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกหนึ่งแห่ง นั่นก็คือ แหลมหาด เกาะยาวใหญ่ บอกเลยว่าใครได้ไปเที่ยวที่นี่แล้ว ต้องร้องว้าวกันทุกวัน เพราะว่าสวยงาม เหมือนกับอยู่ในจินตนาการยังไงอย่างนั้น และท่านใดที่อยากจะไปเที่ยวที่นี่ เราก็เลยอยากแนะนำข้อมูลดีๆ ให้กับทุกท่าน

กิจกรรมที่น่าสนใจ

เมื่อนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวที่ แหลมหาด เกาะยาวใหญ่ ประโยคที่คนบอกเหมือนกันก็คือ ที่หาดแห่งนี้ สวยงามสุดๆ จนได้ชื่อว่าเป็น มัลดีฟส์ ของไทยเลย นั่นหมายความว่าความสวยงามของหาดที่นี่ ต้องสวยสมชื่อจริงๆ ไม่เช่นนั้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ คงไม่ให้การยอมรับขนาดนี้ และการทำกิจกรรมที่หาดแห่งนี้ก็มีหลายอย่าง สิ่งที่น่าเล่นเมื่อคุณมาเที่ยวที่แหลมหาด ก็คือ
•   การเดินชมวิว อย่างที่บอกว่าหาแห่งนี้สวยงาม มีหาดที่ขาวสะอาด ดังนั้นการได้เดินชมวิว เป็นอะไรฟินสุดๆ คุณจะได้เห็นความงามของทะเลสุดลูกหูลูกตา และน้ำที่ใสสะอาด ประกอบกับบรรยากาศที่มีความสงบ ทำให้คุณรู้สึกฟินยิ่งขึ้น
•   ขี่มอไซค์เที่ยว หากคุณต้องการอยากจะเที่ยวหลายๆ ที่ หรือหาทานอาหารอร่อยๆ การเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งบนหาดก็มีรถให้เช่าด้วย อีกทั้งคุณยังสามารถนั่งรถไปยังเกาะอื่นๆ ได้อีกต่างหาก
•   นั่งเรือเที่ยว การใช้บริการเรือเช่า หรือเรือนำเที่ยว ก็เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจ เพราะเราสามารถไปเที่ยวได้หลายเกาะเลย ตามที่พักบนแหลมหาด เราสามารถเข้าไปติดต่อขอเช่าได้เลย

การเดินทาง
ท่านสามารถเดินทางมาที่ จ.พังงา ได้หลายช่องทาง จะขับรถ นั่งเครื่องบิน หรือนั่งรถไฟก็ได้ แต่หลังจากที่มาถึงพังงาแล้ว ท่านต้องนั่งเรือต่อไปยังแหลมหาด เกาะยาวใหญ่ สามารถขึ้นเรือมาได้หลายที่ เช่น ท่านเรือด่านศุลกากร จ.พังงา จจากท่านเรือท่าเลน จาก จ.กระบี่ จากท่าเรือเจียรวานิช จาก จ.ภูเก็ต

ค่าบริการในการเข้าชม ฟรี

ที่พักและอาหาร
ท่านที่ต้องการห้องพัก ห้องเช่า ที่ แหลมหาด เกาะยาวใหญ่ มีห้องพักให้เลือกเยอะเลย ท่านสามารถติดต่อล่วงหน้าก่อนได้ เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว ส่วนเรื่องอาหารการกิน ที่หาดมีให้เลือกทานหลายร้าน หากท่านใดที่เป็นสายกิน สามารถเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวที่ต่างๆ ได้ ที่หาดมีให้บริการอยู่แล้ว หากต้องการเที่ยวในช่วงวันหยุด หรือเทศกาล แนะนำให้จองล่วงหน้า เพราะว่านักท่องเที่ยวมีจำนวนมากขึ้น จะได้ไม่ลำบากในภายหลัง

พิกัดของ แหลมหาด เกาะยาวใหญ่
ตำบลเกาะยาวใหญ่ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา

เชลซี คือหนึ่งในสโมสรชั้นนำของคนไทยที่มีแฟนๆติดตามเชียร์อยู่ไม่น้อย รวมถึงกลุ่มแฟนบอลทั่วโลกอีกด้วย จากความสำเร็จที่ต่อยอดได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ เสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช เข้ามาซื้อสโมสรเมื่อปี 2002 จากนั้นกราฟทีมพุ่งขึ้นเรื่อยๆจากการทุ่มทุนสร้างของเศรษฐีชาวรัสเซียที่ได้ดึงยอดโค้ชฝีมือเข้ามา รวมถึงบรรดาซูปเปอร์สตาร์ที่เข้ามาไม่เคยหยุดในแต่ละปี ทำให้ทีมยกระดับจากทีมกลางตารางขึ้นสู่หัวแถวของลีกได้อย่างยอดเยี่ยมจนถึงปัจจุบันนี้ ที่ เชลซี คือหนึ่งใน TOP 6 หรือทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของพรีเมียร์ลีก

   วันนี้จึงนำข้อมูลที่น่าสนใจของสิงโตน้ำเงินครามมาฝากกัน เป็นเรื่องของดาวซัลโวสูงที่สุดตลอดกาลของสโมสรตั้งแต่มีมาทั้ง 20 อันดับแรก ว่ามีใครกันบ้าง แล้วนักเตะที่ชื่นชอบนั้นติดอยู่ในทำเนียบนี้หรือเปล่า พร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลยกับเหล่ายอดดาวยิงตำนานของทีม

TOP 20 ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลเชลซี

20. จอห์น เทอร์รี่ ยิงไปทั้งหมด 67 ประตู ลงเล่น 717 นัด
19. รอน ทินดอล ยิงไปทั้งหมด 69 ประตู ลงเล่น 174 นัด
18. เดนนิส ไวส์ ยิงไปทั้งหมด 76 ประตู ลงเล่น 445 นัด
17. ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ยิงไปทั้งหมด 78 ประตู ลงเล่น 263 นัด
16. บ็อบ ไวท์ติ้งแฮม&จานฟรังโก้ โซล่า ยิงเท่ากัน 80 ประตู ลงเล่น 311 นัด
14. ฮิวจ์ กัลเลอร์เชอร์ ยิงไปทั้งหมด 81 ประตู ลงเล่น 144 นัด
13. จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ ยิงไปทั้งหมด 87 ประตู ลงเล่น 177 นัด
12. ทอมมี่ เบาวิน ยิงไปทั้งหมด 92 ประตู ลงเล่น 239 นัด
11. แบร์รี่ บริดจ์ ยิงไปทั้งหมด 93 ประตู ลงเล่น 252 นัด
10. จอร์จ ฮิวส์ดอน ยิงไปทั้งหมด 108 ประตู ลงเล่น 150 นัด
9. เอเดน อาซาร์ ยิงไปทั้งหมด 110 ประตู ลงเล่น 352 นัด
8. จอร์จ มิลลส์ ยิงไปทั้งหมด 125 ประตู ลงเล่น 239 นัด
7. จิมมี่ กรีฟ ยิงไปทั้งหมด 132 ประตู ลงเล่น 169 นัด
6. ปีเตอร์ ออสกู๊ด กับ รอย เบนลี่ย์ ยิงไปทั้งหมด 150 ประตู
4. ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ยิงไปทั้งหมด 164 ประตู ลงเล่น 381 นัด
3. เคอร์รี่ ดิซอน ยิงไปทั้งหมด 193 ประตู ลงเล่น 420 นัด
2. บ็อบบี้ แทมบลิง ยิงไปทั้งหมด 202 ประตู ลงเล่น 370 นัด
1. แฟร้ง แลมพาร์ด ยิงไปทั้งหมด 211 ประตู ลงเล่น 648 นัด

ทั้งหมดคือเหล่าดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของเชลซีทั้ง 20 อันดับ โดยนักเตะที่ยิงมากสุดไม่ใช่กองหน้าแต่เป็นกองกลางอย่าง แลมพาร์ด ที่มีสถิติยิงประตูที่น่าเหลือเชื่อ แล้วการทำประตูได้มากสุดของเขา ไม่ได้น่าแปลกใจเลยกับดาวซัลโวของทีมเบอร์ 1

ประวัติ แดนนี่ อิงส์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษของ เวสต์แฮม
ทีมชาติ : อังกฤษ 3 นัด – 1 ประตู (2015-2020)
สโมสรปัจจุบัน : เวสต์แฮม 23 นัด – 3 ประตู (2023-?)

แดนนี่ อิงส์ (Danny Ings) เกิดวันที่ 23 กรกฎาคม 1992 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร เซาแธมป์ตั้น แล้วย้ายสู่อคาเดมี่ของ บอร์นมัธ ในปี 2008 แล้วได้เล่นอาชีพในระดับลีกทู ฤดูกาล 2009/10 (1 นัด) จากนั้นในฤดูกาล 2010/11 บอร์นมัธ ขยับขึ้นมาเล่นในลีกวัน อิงส์ได้รับโอกาสมากขึ้น ลงเล่น 28 นัด ยิง 8 ประตู ซึ่งนั่นทำให้ เบิร์นลีย์ (เดอะ แชมป์เปียนชิพ) ซื้อตัวไปร่วมทีมในฤดูกาล 2011/12
ฤดูกาล 2011/12 แดนนี่ อิงส์ ลงสนามให้ เบิร์นลีย์ 15 นัด ยิง 3 ประตู จากนั้นในฤดูกาล 2012/13 กลายเป็นแกนหลักของทีม ลงเล่น 33 นัดรวมทุกรายการ ยิง 3 ประตู ก่อนจะระเบิดฟอร์ม ยิง 26 ประตู จาก 45 นัด ในฤดูกาล 2013/14 ซึ่งนั่นเพียงพอต่อการพาทีมเลื่อชั้นสู่พรีเมียร์ลีก
ฤดูกาล 2014/15 แดนนี่ อิงส์ เปิดตัวในพรีเมียร์ครั้งแรกด้วยการยิง 11 ประตูจาก 35 นัด ซึ่งฟอร์มนั้นไปต้องตา ลิเวอร์พูล จึงถูกซื้อตัวไปร่วมทีมในฤดูกาล 2015/16 แต่ได้ลงเล่นแค่ 9 นัดรวมทุกรายการ ยิง 3 ประตู แล้วในฤดูกาล 2016/17 ยิ่งไม่ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีกสักนัด ก่อนจะปล่อยให้ เซาแธมป์ตั้น ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2018/19

ฤดูกาล 2018/19 แดนนี่ อิงส์ ยิงในพรีเมียร์ลีก 7 ประตูจาก 24 นัด จากผลงานดังกล่าวทำให้ เซาแธมป์ตั้น เซ็นสัญญาถาวร แล้วตอบแทนด้วยการยิง  25 ประตูจาก 45 นัดรวมทุกรายการ ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรเซาธมป์ตั้น แต่ฟอร์มดร็อปลงในฤดูกาลถัดมา ยิงได้แค่ 13 ประตูจาก 33 นัดรวมทุกรายการ

ฤดูกาล 2021/22 แอสตัน วิลล่า จ่ายเงิน 25 ล้านปอนด์ พร้อมเซ็นสัญญา 3 ปี ดึงตัว แดนนี่ อิงส์ ไปร่วมทีม เป็นแนวรุกตัวหลักของทีมร่วมกับ โอลลี่ วัตกินส์, จาค็อบ แรมซีย์ และ จอห์น แม็คกินส์ ได้ลงสนาม 31 นัดรวมทุกรายการ ยิง 3 ประตู แล้วในฤดูกาล 2022/23 ได้ลงเล่นอีก 22 นัดรวมทุกรายการ ยิง 3 ประตู แล้วถูก เวสต์แฮม ดึงตัวไปร่วมทีมในช่วงตลาดเดือนมกราคม

ครึ่งหลังของฤดูกาล 2022/23 แดนนี่ อิงส์ มีส่วนร่วมกับ เวสต์แฮม มากพอสมควร ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 17 นัด (ตัวจริง 7 สำรอง 10) ยิง 2 สกอร์ในพรีเมียร์ลีก นัดที่ 25 ที่ขุนค้อนชนะ ฟอเรสต์ 4-0 และมี 1 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก นัดที่ 37 ที่ขุนค้อนชนะ ลีดส์ 3-1 ส่วนในรายการ คอนเฟอเรนซ์ลีก 2022/23 อิงส์ได้ลงเล่น 5 นัด (ตัวจริง 1 สำรอง 4) ยิง 1 ประตูในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก ช่วยให้ทีมเสมอ เกงค์ 1-1 แต่ไม่ได้ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ ที่ชนะ ฟิออเรนติน่า 2-1

ฤดูกาล 2023/24 แดนนี่ อิงส์ ยังอยู่กับ เวสต์แฮม เช่นเดิม ลงเล่น 1 นัด 0 ประตู

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าที่น่าสนใจอีกตัวของทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งสร้างชื่อตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นดาวรุ่ง ในการทำประตู ด้วยความนิ่งของเจ้าตัว ทำให้แฟนบอลรู้สึกว่าฝากความหวังเอาไว้ได้ จนปัจจุบัน เจ้าตัวก็ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตลอดมา ฉะนั้นเราจะมาทำความรู้จักกับกองหน้าคนนี้ให้มากขึ้นกัน

ชื่อเต็ม มาร์คัส แรชฟอร์ด
วันเกิด 31 ตุลาคม ค.ศ. 1997 (25 ปี)   
สถานที่เกิด แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
ส่วนสูง 1.85 ม. (6 ฟุต 1 นิ้ว)
ตำแหน่ง กองหน้า

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของ มาร์คัส แรชฟอร์ด

แรชฟอร์ด เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็ก และด้วยวัยเพียงแค่ 7 ปี ก็ได้เข้าร่วมสโมสรใหญ่อย่าง แมนฯ ยู แล้ว จนเมื่อปี 2016 แรชฟอร์ด ก็ได้เล่นเป็นตัวจริงกับทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการลงเล่นนัดแรกนั้น เป็นการแข่งขันในศึก ยูโรป้าลีก และสามารถยิงประตูช่วยทีมได้ถึง 2 ประตู จากเกมในนัดนั้นนั่นเอง ทำให้ชื่อแรชฟอร์ด กลายเป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลก ว่านี่คือกองหน้าที่น่าจับตามอง และในเกมนั้นเขาเป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น และถูกเปลี่ยนกับ มาร์ซียาล ซึ่งมีอาการบาดเจ็บ และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

และในการเจอกันระหว่าง แมนฯ ยู กับ อาร์เซนอล เจ้าหนู แรชฟอร์ด ในครั้งนั้น ก็สร้างชื่อได้อีกครั้ง ด้วยการกดไปถึง 2 ประตู พาทีมเอาชนะปืนใหญ่ไปได้อย่างสุดมัน จากนั้นแรชฟอร์ด ได้กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถทำประตูได้ในการเจอระหว่าง แมนเซสเตอร์ ซิตี้ ได้ถึงในบ้าน ซึ่งทำลายสถิติของรูนีย์ ที่เคยทำเอาไว้เมื่อปี 2005 ได้ และเป็นประตูนี้เองที่มาทีมคว้าชัยมาได้

สำหรับการรับใช้ทีมในระดับทีมชาติ โดย แรชฟอร์ด ถูกเรียกตัวไปเล่นครั้งแรกในศึกยูโร 2016 แต่ตอนนั้นก็มีเสียงคัดค้านเยอะ ว่าเจ้าตัวเด็กเกินไป ไม่เหมาะที่จะเล่น และในปี 2559 เขาก็ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมอุ่นเครื่องเจอกันกับ ออสเตรเลีย และสามารถเก็บชัยชนะมาได้ ซึ่ง แรชฟอร์ด ยิงประตูได้ตั้งแต่นาทีที่ 3 เลย และในวัย 18 ปี เขาก็ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอีกครั้ง ในเกมศึกยูโร กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้ลงเล่น ทำลายสถิติของรูนีย์อีกครั้ง

เกียรติประวัติ

•   เอฟเอคัพ: 2015–16
•   อีเอฟแอลคัพ: 2016–17, 2022–23
•   ยูฟ่ายูโรปาลีก: 2016–17; รองชนะเลิศ: 2020–21 อังกฤษ
•   เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 2016
•   ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รองชนะเลิศ: 2020
•   ยูฟ่าเนชันส์ลีก อันดับที่สาม: 2018–19

ฟีล โฟเด้น (Phil Foden) เกิดวันที่ 28 พฤษภาคม 2000 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2009 (9 ขวบ) แล้วได้รับสัญญาอาชีพกับทีมในปี 2017 ขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ ในฤดูกาล 2016/17 แต่ละไม่ได้ลงเล่นสักนัด
ฤดูกาล 2017/18 ฟีล โฟเด้น เริ่มได้รับโอกาสในการลงสนามบ้างเล็กน้อย วันที่ 21 พฤศจิกายน 2017 เกมยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก พบกับ เฟเยนูร์ด (ชนะ 1-0) โฟเด้น ลงเป็นตัวสำรองแทนที่ของ ยาย่า ตูเร่ ในนาที 75 เป็นการลงเล่นอย่างเป็นทางการนัดแรก ในสีเสื้อเรือใบ จากนั้นในวันที่ 16 ธันวาคม 2017 โฟเด้น ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก นัดแรกในชีวิต เป็นเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 18 ของซีซั่นนั้น เขาลงไปแทนที่ของ อิลกาย กุนโดกัน ในนาที 83 นัดนั้นทีมเอาชนะ สเปอร์ 4-1 จากนั้นได้เล่นเป็นสำรองอีก 3-4 นัด จบฤดูกาลนั้นด้วยการได้ลงเล่น 10 นัดรวมทุกรายการ ยังไม่มีประตู จ่าย 1 แอสซิสต์

ฤดูกาล 2018/19 ฟีล โฟเด้น ได้รับโอกาสมากขึ้น ผ่านไปถึงวันที่ 6 มกราคม 2019 เขาลงเล่นเป็นตัวจริง ยิง 1 สกอร์ ในเกมเอฟเอคัพ รอบที่ 3 ที่เอาชนะ ร็อทเธอร์แฮม 7-0 เป็นประตูแรกในสีเสื้อเรือใบ จากนั้นในวันที่ 20 เมษายน 2019 โฟเด้นยิง 1 ประตู ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 35 ของฤดูกาล ที่ทีมชนะ สเปอร์ 1-0 นั่นเป็นการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของเจ้าตัว แล้วจบฤดูกาลนั้น เขาลงเล่น 27 นัดรวมทุกรายการ ยิง 7 ประตู จ่าย 2 แอสซิสต์ ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีก พ่วงด้วยแชมป์เอฟเอคัพ โดยที่ โฟเด้นมีส่วนร่วม 3 นัด แต่ไม่ได้ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ ที่เอาชนะ วัตฟอร์ด 6-0 และยังคว้า แชมป์ลีกคัพ ซึ่งโฟเด้นมีส่วนร่วม 5 จาก 6 นัด พลาดแค่เกมนัดชิงชนะเลิศ ที่เอาชนะจุดโทษ เชลซี 4-3

ฤดูกาล 2019/20 ฟีล โฟเด้น ได้รับโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ ลงเล่น 38 นัดรวมทุกรายการ ยิง 8 ประตู แล้วฤดูกาล 2020/21 เขาได้ลงเล่นมากถึง 50 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 16 ประตู เป็นฤดูกาลที่เขาได้ลงเล่นมากที่สุด และยิงได้มากที่สุด ในเส้นทางอาชีพ มีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก (ลงเล่น 28 นัด) คว้าแชมป์ลีกคัพ มีส่วนร่วม 4 จาก 5 นัด นั่นรวมถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่เอาชนะ สเปอร์ 1-0 น่าเสียดายที่พลาดแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก ซึ่งโฟเด้นมีส่วนร่วมทั้ง 13 นัด รวมถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่แพ้ เชลซี 0-1

ฤดูกาล 2022/23 ฟีล โฟเด้น ยังเป็นกำลังสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลงสนามทั้งหมด 48 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 15 ประตู พ่วงด้วย 8 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้า 3 แชมป์ (พรีเมียร์ลีก + ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก + เอฟเอคัพ)
ฤดูกาล 2023/24 ฟีล โฟเด้น ยังอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนาม 2 นัด ช่วยทีมเก็บ 6 คะแนนเต็ม

ข้อมูลนับถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2023

วัดจุฬามณี เป็นวัดอีกหนึ่งแห่งของไทยที่ในหนึ่งชีวิตของเรา ต้องไปให้ได้สักครั้งหนึ่ง เพราะวัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วย เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ถึง 300 ปี ดังนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของวัด จึงเป็นที่นับถือของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน ทำให้แต่ละวันมีคนเข้ามาสักการะที่วัดจำนวนมากเลยแหละ อีกอย่างที่วัดแห่งนี้มีอะไรให้ชมและสักการะเยอะทีเดียว สำหรับท่านที่ยังไม่เคยลองไปเลยสักครั้ง ลองมาทำความรู้จักวันนี้กันให้มากขึ้นดีกว่า เผื่อว่าใครอยากจะลองไปสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองดูบ้าง

สำหรับวัด วัดจุฬามณี เป็นวัดที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง สิ่งที่คนทั้งหลายบอกต่อกันเยอะที่สุดเมื่อมาเที่ยวที่นี่ ก็คือโชคลาภที่สมปรารถนา คนที่โชคร้ายก็จะโชคดี และยังช่วยป้องกันสิ่งเลวร้ายต่างๆ ไม่ให้เข้ามารังควานในชีวิตอีกด้วย และที่สำคัญเลย ที่วัดแห่งนี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะเยอะเลย

กิจกรรมที่น่าสนใจ
• ชมความงามของโบสถ์ ความพิเศษของโบสถ์ที่วัดวัดจุฬามณีก็คือ มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย และจุดเด่นอีกอย่างก็คือที่พื้นของโบสถ์แห่งนี้ ปูด้วยหยกทั้งหมด ที่มาจากประเทศปากีสถาน เมื่อเดินเข้ามาที่วัดแล้ว จะรู้สึกเย็นสบาย และมีความสงบอย่างยิ่ง 
• สักการะท้าวเวสสุวรรณ เป็นสิ่งแรกที่คนมาที่วัดจุฬามณีต้องทำกัน เพราะว่าท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพที่จะช่วยดลบันดาลให้กับชีวิต ให้รอดพ้นจากสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลาย ผู้ที่ได้มาสักการะที่นี่แล้วเห็นผลจริง ก็ไปบอกต่อให้กับคนอื่น เลยกลายเป็นเสียงปากต่อปาก ทำให้คนทั่วประเทศ ต่างก็มาสักการะที่วัดแห่งนี้ ซึ่งที่วัดมีดอกไม้และธูปเทียนเอาไว้ให้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังให้ชมอีกด้วย ซึ่งสวยงามมากๆ
• นมัสการอดีตเจ้าอาวาส เมื่อท่านมาที่วัดจุฬามณี ไม่ควรลืมไปนมัสการอดีตเจ้าอาวาส หลวงปู่เนื่อง โกวิโท ซึ่งขณะนี้สังขารของท่าน ยังอยู่ที่ศาลาการเปรียญที่วัด และร่างของท่านยังไม่เปื่อยหรือผุพังแต่อย่างใด  มากราบไหว้แล้วชีวิตของท่านจะมีแต่ความสุขสวัสดิ์ เหมือนกับหลายๆ ท่านที่ได้เคยไปนมัสการมาแล้ว

การเดินทาง
ท่านสามารถเดินทางไปเที่ยวชมวัดจุฬามณี ด้วยการขับรถส่วนตัว การนั่งรถตู้โดยสาร หรือการขับรถมอเตอร์ไซค์ก็ได้ ด้วยการใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 35 (บางแพ สมุทรสงคราม) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที ก็จะถึงวัดจุฬามณี

ค่าบริการในการเข้าชม: ฟรี

สถานที่ตั้งของ วัดจุฬามณี
ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 06.00-24.00 น.